ปัญหาการระบาดของโควิดไม่มีทีท่าจะดีขึ้นในเวลาอันสั้น เราอาจจะเห็นในข่าวหรือโซเชี่ยลหรือแม้กระทั่งมีคนรู้จักที่ติดเชื้อโควิดแล้ว ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ แม้จะโทรไปลงทะเบียนสายก็ไม่เคยว่างหรือจะลงทะเบียนทาง QR code ก็ไม่มีคนโทรมาติดต่อ และสุดท้ายแม้จะมีคนโทรมารับเรื่องแต่กล่องยาหรืออาหาร 3 มื้อหรือจะมีหมอโทรมาวันละสองครั้ง ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
นี่ยังไม่ได้นับคนไข้ที่ไม่ทำการตรวจเชื้อได้ ไม่สามารถลงทะเบียนได้ ซึ่งจำนวนมากแค่ไหนเราก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน และคนไข้เหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ด้วยเช่นกัน
การติดเชื้อยังยอดวันละเป็นหมื่น และถ้าผู้มีอำนาจยอมรับความจริงก็จะรู้ว่าของจริงยิ่งสูงกว่าตัวเลขที่เห็น เนื่องจากโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศไทยไม่สามารถรับคนไข้ที่อาการน้อยให้นอนโรงพยาบาลได้อีกต่อไป ทำให้การกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
Home Isolation หรือที่ย่อว่า HI คือการกักตัวอยู่บ้านและตามหลักการคือต้องมีหมอ พยาบาลดูแลคล้ายกับการอยู่รพ. คือต้องมีการโทรไปเยี่ยม สอบถามอาการ คนไข้ต้องได้รับปรอทและที่วัด oxygen เพื่อรายงานแพทย์ และได้รับชุดยา starter kit และอาจได้ยา Favipiravir ถ้าจำเป็น รวมถึงได้อาหารสามมื้อด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้น ขึ้นกับว่าคนไข้ถูกแจกจ่ายไปให้หน่วยงานไหนและมีกำลังพอที่จะดูแลจำนวนคนไข้ได้ไหวหรือไม่ หากหน่วยงานที่รับผิดชอบมีกำลังคนพอเพียงกับจำนวนคนไข้ที่ได้รับ ก็มักจะได้การดูแลอย่างดีตามที่โฆษณา
แต่หากจำนวนคนไข้มากกว่ากำลังคนทำงาน ก็จะเกิดภาวะที่คนไข้ไม่มีใครโทรหา ไม่ได้ยา ไม่ได้อาหาร ไม่ได้กล่อง Starter kit จนในที่สุดคนไข้ก็อาจจะจะต้องไปหาซื้อยามาเอง หรือสุดท้ายก็หายเองได้ หรือไม่ก็เสียชีวิตในที่สุด
หมอเองก็สมัครเข้าเป็นแพทย์อาสาโทรหาคนไข้ ทำให้รู้ว่าปัญหาคนไข้จำนวนมากที่ยังตกค้างในระบบนั้นมีอยู่จริง และเป็นจำนวนมากด้วย คนไข้บางคนโทรไปหาพบว่าอาการเขาดีขึ้นแล้วด้วยตัวเอง แต่ก็บอกว่าไม่เคยได้รับยา ไม่เคยได้รับชุดวัดปรอท วัด oxygen ไม่เคยได้อาหารแม้แต่มื้อเดียว แม้จะสามารถโทรเพื่อลงทะเบียนได้ และได้รับการบอกกล่าวว่าจะได้รับทุกอย่างตามที่ประชาสัมพันธ์ แต่ไม่เคยได้เลย
คนไข้เขาฝากถามมาว่า ในเมื่อเขาไม่ได้อะไรเลย แต่ชื่อเขาอยู่ในระบบแล้ว เงินส่วนนี้ตกลงหายไปไหน ใครได้ไป เพราะในเมื่อมีชื่อลงทะเบียนแล้ว หมายความว่าตามหลักการ ต้องได้ยา ต้องได้อุปกรณ์ทั้งหลาย รวมถึงอาหารสามมื้อทุกวัน จำนวน 14 วันเป็นอย่างน้อย ซึ่งถ้าคิดเป็นจำนวนเงินแล้วก็มากอยู่ ดังนั้นเงินที่ทำเบิกจ่ายจำนวนนี้จะต้องตกอยู่ในมือใครสักคน
คำถามคือตกลงเงินส่วนนี้หายไปไหน?
ยังไงถ้าหน่วยงานที่รับผิดชอบมีคำตอบก็ช่วยบอกด้วยนะครับ เพราะหมอเองก็ตอบคำถามนี้กับคนไข้ไม่ได้ และเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ คนทำงานก็มาช่วยด้วยจิตอาสา ไม่รับค่าตอบแทนด้วยซ้ำ หลายอย่างเหล่าจิตอาสาก็ควักเงินออกกันเอง เพราะไม่รู้ว่าจะเบิกค่าใช้จ่ายจากไหน
สุดท้ายนี้อยากจะฝากให้ผู้ที่มีอำนาจ ช่วยบูรณาการการทำงาน ปัญหาไม่ได้จบแค่การออกคำสั่งว่าให้ทำให้ได้ แต่ต้องลงมาดูรายละเอียดในการทำงานด้วย และคนไข้ต้องได้รับการดูแลจริง ไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลขรายงานในกระดาษ ตราบใดที่เหล่าจิตอาสา ยังต้องไปเก็บศพคนไข้จากบ้าน หรือยังต้องไปหิ้วคนป่วยหนักจากบ้านวิ่งหารพให้ทุกวัน ก็หมายความว่าการทำงานยังไล่ตามหลังการระบาดอีกไกล
ยอมรับว่ามีปัญหา แล้วพยายามแก้ปัญหา ดีกว่าบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะไม่อยากรับรู้ปัญหานะครับ